
Featured Stories
เมื่อศิลปะคือเสียงใจที่แท้จริง
‘อัตลักษณ์ ตัวตน และความหลากหลาย’
River City Bangkok ชวนสำรวจเรื่องราวของสามศิลปินระดับตำนานผู้ “มาก่อนกาล” ในการแสดงออกถึงอัตลักษณ์ ความแตกต่าง และการยืนหยัดในความเป็นตัวเองผ่านงานศิลปะ
- ฟรีดา คาห์โล (Frida Kahlo)
ศิลปินแห่งยุคกลางศตวรรษที่ 20 ที่นับได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ “ฟรีดา คาห์โล” ศิลปินผู้โด่งดังจากประเทศแม็กซิโก ที่เชื่อว่าทุกคนจะต้องเคยเห็นภาพพอร์ตเทรตของเธอที่มาพร้อมกับคิ้วเข้มอันเป็นเอกลักษณ์และทรงผมเกล้ามวยในชุดสีน้ำเงิน
แม้ว่าจะเป็นศิลปินหญิงที่แสดงออกความเป็นตัวตน แนวคิด และการเคลื่อนไหวทางการเมืองในแง่มุมต่าง ๆ ที่สนับสนุนความเป็นเฟมินิสต์ (Feminism) อย่างชัดเจนของเธอ แต่เชื่อไหมว่าเบื้องหลังผลงานของ ฟรีดา คาห์โล นั้นมักแสดงออกถึงความเจ็บปวดผ่านทางร่างกายและจิตใจอย่างเข้มแข็งเสมอ
ในยุคที่ความงามฉบับตะวันตกกำลังเฟื่องฟูและมีอิทธิพลอย่างมากในแถบแม็กซิโก ฟรีดา คาห์โล กลับเลือกที่จะวาดภาพพอร์ตเทรตของเธอในรูปแบบของการแหกขนบธรรมเนียมอย่างไม่ประนีประนอม ทั้งภาพวาดของเธอเองมีที่คิ้วดก ใส่ชุดชนพื้นเมือง (Tehuana) ที่แสดงออกถึงสัญลักษณ์ความเป็นแม่ และอำนาจหญิงของสังคมชนพื้นเมือง
(Diego on My Mind, Self-Portrait as Tehuana – 1943)
นอกจากนี้ยังมีผลงานที่น่าสนใจอย่าง Self-Portrait with Cropped Hair (1940) ที่นับได้ว่าฉีกขนบธรรมเนียมในยุคนั้นสุด ๆ คือเธอวาดภาพพอร์ตเทรตของตัวเองในชุดสูทและตัดผมสั้นเฉกเช่นผู้ชาย หลังจากการหย่าร้างกับ ดิเอโก ริเบรา (Diego Rivera) เพื่อปลดแอกการถูกกดทับในความสัมพันธ์ที่สตรีหรือตัวเธอเองถูกกดทับจากความสัมพันธ์ในครั้งนี้นั่นเอง
…………………………………………………………………………………………………………
- แอนดี้ วอร์ฮอล (Andy Warhol)
เชื่อว่าหลายคนมักจะคุ้นเคยอย่างภาพพิมพ์ (Screen Print) หลากสีของ มาริลิน มอนโร (Marilyn Monroe) ที่สร้างสรรค์โดยศิลปินชื่อดังอย่าง แอนดี้ วอร์ฮอล ผู้นับว่าเป็นศิลปินที่มีบุคลิกเงียบขรึม แต่กลับสร้างผลงานสื่อสารถึงอัตลักษณ์และตัวตนอย่างชัดเจน ดังเช่นผลงานป็อปอาร์ต (Pop Art) ที่จะถูกนำมาพูดถึงบ่อย ๆ แม้ว่าวอร์ฮอลจะสวมหมวกหลายใบในอุตสาหกรรมบันเทิง แต่ผลงานของเขามักแฝงไปด้วยการท้าทายขนบธรรมเนียมเดิม ๆ ในสังคมอย่างน่าสนใจ
(Andy Warhol, Marilyn Monroe – 1967)
ที่น่าสนใจกว่านั้นคือการถูกตีความในผลงานคนดังที่ถูกทำซ้ำในหลากสี สัญลักษณ์ของการทำซ้ำของวอร์ฮอลคือการตั้งคำถามถึงความเป็นจริง ความเป็นเปลือกนอก ไม่ใช่เพื่อยกย่องความสมบูรณ์แบบของสังคม
โดยผลงานชิ้นถูกสร้างสรรค์ขึ้นหลังจากเหตุการณ์เสียชีวิตของนักแสดงสาว วอร์ฮอลตั้งใจที่จะสื่อถึงความลุ่มหลงของวงการบันเทิงที่มีต่อตัวนักแสดงอย่างเปิดเผย โดยได้ใช้เทคนิคทำซ้ำในภาพพิมพ์ เพื่อแสดงถึงการตีคุณค่าของสตรีอย่าง มาริลิน มอนโร ในการเป็น ‘โปรดักส์’ หรือ สินค้า มากกว่าการมองเห็นเธอในพื้นที่สื่อสาธารณะอย่างเฉกเช่นมนุษย์คนหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังมีผลงานที่น่าสนใจอย่างผลงานภาพถ่าย (Photography) Altered Image series (1981) ที่สร้างสรรค์ร่วมกับ คริสโตเฟอร์ มาโคส (Christopher Makos) ซึ่งเป็นภาพถ่ายที่สวมวิกในหลากหลายรูปแบบ ที่สะท้อนถึงการตั้งคำถามในการแสดงออกที่ไม่จำกัดอยู่ในกรอบของเพศหรือบทบาททางสังคม โดยภายหลังได้กลายมาเป็นผลงานสำคัญในการสำรวจอัตลักษณ์และการแสดงออกทางเพศผ่านศิลปะ
…………………………………………………………………………………………………………
- คีธ แฮริ่ง (Keith Haring)
ศิลปินที่สะท้อนถึงเสียงของความหลากหลายผ่านผลงานลายเส้นแบบดูเดิ้ล (Doodle) ที่เป็นเอกลักษณ์กับการเลือกใช้สีสันอย่างน่าสนใจอย่าง “คีธ แฮริ่ง” นับเป็นศิลปินแห่งยุคที่แสดงออกการพูดถึงทางเพศอย่างสร้างสรรค์และน่าจดจำแห่งยุคเกี่ยวกับการร่วมรณรงค์หยุดยั้งโรคเอดส์ในปี ค.ศ. 1990 ผ่านผลงานของเขาที่แสดงออกอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความหลากหลายของสังคม
แฮริ่ง นับว่าเป็นหนึ่งในศิลปินที่แสดงออกถึงการตระหนักถึงและเฉลิมฉลองความหลากหลาย (Diversity Awareness) ผ่านผลงานของเขาเสมอ เขามุ่งเน้นที่จะทำงานบนพื้นที่สาธารณะเพื่อสร้างการเคลื่อนไหวที่ทรงพลัง ภายใต้แนวคิดว่าศิลปะเป็นของทุกคน ไม่ใช่เฉพาะของชนชั้นสูง
เห็นได้ชัดว่าผลงานของ แฮริ่ง มักสื่อหรือแฝงไปด้วยความหวัง ความหลากหลาย และการเฉลิมฉลอง อย่างผลงานภาพจิตรกรรมฝาผนังในบาร์เซโลนา Todos Juntos Podemos Parar el SIDA(1989) ใช้ภาษาสเปนแปลว่า “เราทุกคนสามารถหยุดยั้งเอดส์ได้” พร้อมภาพการกอด การช่วยเหลือ และความเป็นมนุษย์ร่วมกัน
(Silence = Death –1989)
หลังจากที่เขาได้ก่อตั้งมูลนิธิ Keith Haring ในปี ค.ศ. 1988 เพื่อให้ทุนและสนับสนุนการทำวิจัยเพื่อรักษาโรคเอดส์ เขายังได้สร้างผลงานที่น่าสนใจอย่าง “Silence = Death” ที่ย้ำเตือนว่า “ความเงียบคือการสมรู้ร่วมคิด” เพื่อเป็นการประณามถึงความเพิกเฉยของสังคมและความรุนแรงในการต่อต้านความหลากหลายของชุมชน LGBTAI+ ในยุค 80s ของสหรัฐอีกด้วย
นอกจากศิลปินระดับตำนานทั้งสามท่านนี้ ยังมีศิลปินอีกหลากหลายท่าน ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ที่สื่อสารผ่านผลงานอย่างน่าสนใจในการพูดถึงอัตลักษณ์ ตัวตน และความหลากหลายในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงบริบทของศิลปินเหล่านี้ที่มักส่งผลในการขับเคลื่อนสังคมเสมอ
ทั้ง ฟรีดา วอร์ฮอล และ แฮริ่ง ไม่เพียงแต่สร้างงานศิลป์เท่านั้น พวกเขาได้ “สร้างพื้นที่” ให้ความหลากหลายทางเพศ โอบกอดถึงความแตกต่าง และนำเสนออัตลักษณ์ของตนเองอย่างกล้าหาญ ทั้งยังแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ผ่านผลงานในรูปแบบต่าง ๆ ที่นับได้ว่าฉีกขนบธรรมเนียมแห่งยุคแน่นอน นี่คือพลังของศิลปะที่ไม่มีการแบ่งแยกทางเพศและมีเพียงมิติความงามให้ชื่นชม แต่ยังคงมีความหมายนัยยะเพื่อขับเคลื่อนสังคมอีกด้วยนั่นเอง
