All things Left Behind
โปรเจค ALL THINGS LEFT BEHIND โดยช่างภาพแคร์โลรินา แซนเดร็ตโต พร้อมนำพาผู้ชมไปยังประเทศคิวบา สฟาลบาร์ และทวีปแอนตาร์ติกาเพื่อสำรวจแนวคิดเรื่องเวลาที่ผ่านพ้นไป และความหมายของมันที่มีต่อภูมิทัศน์ ทำให้เห็นว่าเวลาและสิ่งที่ผ่านพ้นมีอิทธิพลต่อสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเรา สิ่งเหล่านี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของภูมิทัศน์ที่สาบสูญ ร่องรอยอันบ่งชี้ว่าเราเป็นใครในอดีต อีกทั้งความทรงจำที่มนุษย์เราเคยกระทำก็เป็นเครื่องย้ำเตือนจากสิ่งที่หลงเหลืออยู่ อดีตที่สั่งสมนั้นสะท้อนอยู่บนพื้นผิวของภูมิทัศน์ แม้แต่ในสถานที่ที่สิ่งต่างๆ เหล่านี้ยังคงใช้อยู่
ที่สฟาลบาร์ ช่างภาพแคร์โลรินาได้สำรวจเมืองแห่งเหมืองทั้งหมดที่มีมาตั้งแต่ยุค 80’s สถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยและที่ทำงานของผู้คนมากกว่า 3,000 คนและถูกทิ้งร้างไว้ตั้งแต่สหภาพโซเวียตล่มสลายในช่วงปี 1980’s ผู้คนทิ้งของใช้ส่วนตัวไว้ ความทรงจำและร่องรอยอันหลงเหลืออยู่ได้ก่อร่างพิพิธภัณฑ์แห่งเวลาอันเป็นนิรันดร์ขึ้นมาท่ามกลางภูมิทัศน์น้ำแข็ง สิ่งที่หลงเหลืออยู่คือประจักษ์พยานแห่งชีวิตของผู้คนรวมไปถึงเรื่องราวของพวกเขา เพราะเวลาได้เก็บรักษาทั้งสองสิ่งนี้ไว้และผันแปรความหมายและรูปลักษณ์ภายนอกไปอย่างช้า ๆ
ที่ทวีปแอนตาร์กติกในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา นับเป็นความโชคดีที่ร่องรอยแห่งวิถีของมนุษย์ถูกปลดเปลื้องออกและธรรมชาติได้เข้ามาปกปักรักษา ยกเว้นก็แต่หมู่บ้านปลาวาฬที่หลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่หลังตามชายฝั่งของคาบสมุทรแอนตาร์กติกที่ยังคงปรากฏร่องรอยของมนุษย์ ในปัจจุบันพวกเราในฐานะผู้แสวงหาผลประโยชน์อันน่าละอายยังคงชื่นชมภูมิทัศน์ดั้งเดิมนี้ได้
ประเทศคิวบาเป็นเกาะที่ไม่ได้ถูกเวลาทำลายไป แม้กระทั่งภูมิทัศน์ก็ไม่ได้แปรเปลี่ยนไปอย่างแท้จริง ณ ที่แห่งนี้ แคร์โลรินา ถ่ายทอดให้เห็นห้องที่เต็มไปด้วยข้าวของที่ยังมีคนใช้อยู่แม้จะเก่าและผุพังอยู่บ่อยครั้ง ในที่แห่งหนึ่งซึ่งไม่มีอะไรมาแทนที่ได้หรือไม่อาจแทนที่ได้ด้วยเพราะความขาดแคลนอย่างต่อเนื่องนั้น เวลาได้แปรผันพื้นผิวของวัตถุ ทว่าสิ่งต่างๆ ผ่านกระบวนการทำให้นำกลับมาใช้ได้ใหม่ และชีวิตยังคงดิ้นรนกับสิ่งนี้แม้ว่าเวลาจะทำให้สภาพดูเก่า แต่ภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนไปเหล่านี้คือร่องรอยของเวลา