Andy Warhol: Style Icon Ep. 1

เรื่องผมๆ ของแอนดี้ วอร์ฮอล

คงไม่บ่อยนักที่ศิลปินดังๆ จะกลายมาเป็นแฟชั่นไอคอนได้เช่นเดียวกับคนดังในวงการต่างๆ อย่างมาดอนนา, เดวิด โบวี, ออเดรย์ เฮ็พเบิร์น และโคโค ชาเนล นอกจากจะเป็นศิลปินป๊อปอาร์ทที่มีชื่อเสียง แอนดี้ วอร์ฮอลโดดเด่นในเรื่องสไตล์ส่วนตัวจนได้รับการยกย่องในเรื่องนื้ มาทำความรู้จักกับแฟชั่นไอคอนคนนี้ตั้งแต่หัวจรดเท้ากันเถอะ

เริ่มจากผมสีเทาอันโดดเด่น ในปี 1975 วอร์ฮอลได้เขียนหนังสือ The Philosophy Of Andy Warhol (From A To B And Back Again) เขาเฉลยไว้ว่าทำไมถึงทำผมสีเทาตั้งแต่อายุยี่สิบต้นๆ จนกลายเป็นเอกลักษณ์ วอร์ฮอลกล่าวว่า “เมื่อคุณมีผมสีเทา ทุกท่วงท่าของคุณจะดูเด็กและคล่องแคล่ว” 

ก่อนหน้านี้วอร์ฮอลเคยย้อมผมมาแล้วหลายเฉดสีจนในที่สุดมาหยุดที่สีเทาเงินเพราะคิดว่าถ้าดูแก่ คนอื่นก็จะเดาอายุจริงๆ ไม่ออก ต่อมาเขาเริ่มสวมวิกในช่วงปี 1950s เพราะศีรษะเริ่มล้าน วิกผมส่วนใหญ่ของเขาคือยี่ห้อ “HAIRPIECE, Original by Paul” ซึ่งทำขึ้นที่นิวยอร์ค

อยู่มาวันหนึ่งเจ้าวิกคู่ใจที่ทำให้เขาดูมีสไตล์ไม่ต่างอะไรจากการสวมแว่นกันแดดก่อนออกจากบ้านก็สร้างฝันร้ายให้เขาเมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งกระชากวิกออกจากศีรษะเมื่อตอนที่เขาแจกลายเซ็นในงานเปิดตัวหนังสือที่นิวยอร์ค เหตุการณ์นี้ไม่ทำให้เขาเข็ดจากการใส่วิก วิกกลายเป็นของรักของหวง เขาเคยเอาวิกไปใส่กรอบจนกลายเป็นงานศิลปะและมอบให้กับเพื่อนที่ซี้เป็นศิลปินด้วยกันอย่างบาสเกีย ในปี 2006 วิกนี้ถูกขายไปในราคา 10,600 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 340,000 บาท ที่งานประมูลซึ่งจัดโดยคริสตี้ส์

นอกจากนี้ ว่ากันว่าวอร์ฮอลมีวิกมากกว่าร้อยชิ้นและไม่เคยทิ้งไปสักชิ้น ซึ่ง 40 ชิ้นอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แอนดี้ วอร์ฮอล ที่พิตต์สเบิร์ก

ข้อมูลจาก https://hairisforpulling.blogspot.com/

ติดตามอ่านความมีสไตล์ของแอนดี้ วอร์ฮอล ได้ในตอนต่อไป อยากรู้มั้ยละว่าเขาชอบใส่แว่นอะไร?

พร้อมหรือยังกับนิทรรศการ Andy Warhol: Pop Art ที่รวบรวมผลงานจริงของเจ้าพ่อป๊อปอาร์ตมากกว่าร้อยชิ้น เปิดให้ชมตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม – 24 พฤศจิกายน ที่ RCB Galleria ชั้น 2 ซื้อบัตร early bird

ก่อนจะชมงานจริงอย่างใกล้ชิด ร่วมสนุกกับกิจกรรมแคมปญออนไลน์สุดสร้างสรรค์ #WarholandI ที่เปิดโอกาสให้คุณได้สร้างงานศิลปะที่ได้แรงบันดาลใจจากแอนดี้ วอร์ฮอล โพสต์ลงโซเชียลมีเดียพร้อมติดแฮชแท็ก #WarholandI และ #RiverCityBangkok ได้ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม เพื่อลุ้นเข้าชมนิทรรศการก่อนใครในรอบวีไอพี และผลงานของคุณอาจได้รับคัดเลือกมาจัดแสดงในแกลเลอรีที่ริเวอร์ ซิตี้ ก็เป็นได้