Aphrodite and the Legend of the Red Roses

‘อโฟรไดท์’ เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเทพแห่งความรักและความงดงามผู้บันดาลความรักให้แก่วีรบุรุษในตำนานกรีกมากมาย อีกทั้งยังเป็นผู้ก่อให้เกิด ‘สงครามทรอย’ ที่มีต้นเหตุมาจากความรักอีกด้วย ว่ากันว่าอำนาจแห่งความรักของเธอนั่นแข็งแกร่งถึงขั้นสามารถลบปัญญาออกจากสมองของนักปราชญ์และทำให้เขาผู้นั้นคลั่งรักแบบไม่มีเหตุผลได้ เป็นที่มาของคำพูดที่ว่า ‘รักอย่างไม่มีเหตุผล’ หรือ ‘ความรักทำให้คนตาบอด’ นั่นเอง อย่างไรก็ตาม นอกจากเทพีอโฟรไดท์แล้ว เมื่อกล่าวถึงความรัก หลายคนก็มักจะนึกถึง ‘ดอกกุหลาบ’ ซึ่งเป็นดอกไม้ที่มีความสัมพันธ์กับเทพีแห่งความรักอย่างอโฟรไดท์และยังเป็นดอกไม้ที่เธอถือในขณะกำเนิดจากฟองคลื่นอีกด้วย ตำนานกล่าวว่าเทพีอโฟรไดท์เคยตกหลุมรักกับชายหนุ่มนามว่า อาโดนิส ผู้พเนจรล่าสัตว์อยู่ในป่า เธอรักอาโดนิสมากจึงไม่คยทิ้งเขาไปไหน ทั้งยังคอยเป็นห่วงและเตือนให้อาโดนิสคอยระวังภัยอันตรายจากการล่าสัตว์ในป่าอยู่เสมอ แต่แล้ววันหนึ่งก็มีเหตุให้อาโดนิสต้องล่าสัตว์ป่าอยู่เพียงลำพัง ทำให้เขาเสียท่าให้กับหมูป่าตัวใหญ่และโดนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส เมื่อเทพีอโฟรไดท์ได้ยินเสียงกรีดร้องของคนรัก เธอก็รีบวิ่งเข้ามาช่วยถูกจนถูกหนามของดอกกุหลาบขาวเกี่ยวเข้าทำให้เลือดไหลเป็นทาง แต่น่าเศร้ายิ่งนักเพราะกว่าเทพีอโฟรไดท์จะมาถึง อาโดนิสก็สิ้นลมหายใจเสียแล้ว เทพีแห่งความรักเสียใจมากและเริ่มร่ำไห้ออกมา น้ำตาของเธอหยดลงปนกับเลือดของอาโดนิสที่ไหลลงสู่พื้นดินทำให้เกิดเป็นดอกกุหลาบสีแดงขึ้น ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ของเทพีอโฟรไดท์ที่มีต่อชายหนุ่มผู้เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ทำให้ดอกกุหลาบสีแดงกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของความรักและถูกใช้ในวันวาเลนไทน์เพื่อแทนการบอกรักอันแสนลึกซึ้งนั่นเอง