เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 - 20.00 น.

Featured Stories

ศิลปะบนคมดาบจากอินโดนีเซีย

ในบรรดาชิ้นงานแอนทีคซึ่งมีหลากหลายประเภทให้เหล่านักสะสมได้สรรหามาเพื่อเป็นเจ้าของนั้นมีประเภทหนึ่งที่ดูแตกต่างออกไป นั่นก็คืออาวุธที่เรียกว่า “กริช” ซึ่งเป็นของมีคมอันเปี่ยมไปด้วยมนตร์ขลัง มีพลังในการปกป้องและนำความรุ่งเรืองมาให้กับผู้ครอบครอง

อาวุธประเภทนี้ว่ามีที่มาจากประเทศอินโดนีเซีย คำว่า กริช ในภาษาไทย ถอดมาจาก keris ในภาษามลายู ซึ่งหมายถึง “มีดสั้น” คำนี้รับผ่านมาจากภาษาชวาโบราณอีกทอดหนึ่ง คือ งริช (kris) หรือ เงอะริช (keris) หมายถึง “แทง”

ชาวอินโดนีเซียถือว่าเป็นทั้งศาสตราวุธและของที่มีมนตร์ขลัง กริชปรากฏอยู่ในชิ้นงานประติมากรรมนูนต่ำที่ตกแต่งในวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอย่างบุโรพุทโธ อีกทั้งคำว่า kris ปรากฏอยู่มากมายในจารึกภาษาชวาในสมัยโบราณ

ถึงแม้ว่าอาวุธชนิดนี้จะเกี่ยวพันกับศาสนาที่สอดแทรกมาจากพื้นที่ใกล้เคียง เช่น ศาสนาฮินดูและอิสลาม แต่กริชจากอินโดนีเซียยังคงมีเอกลักษณ์ที่รูปทรงคดเคี้ยวที่ดูคล้ายกับงู ในสมัยโบราณเชื่อกันว่ากริชมีพลังเร้นลับ จนมาถึงในปัจจุบันกริชยังคงเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมของชาวอินโดนีเซีย ซึ่งความผูกพันอันแน่นแฟ้นนี้ทำให้การสร้างสรรค์กริชขึ้นมาสักเล่มนั้นกลายเป็นชิ้นงานศิลปะอันเต็มไปด้วยรายละเอียดที่ร้อยเรียงตั้งแต่ด้ามจรดปลาย

รายละเอียดแห่งงานฝีมือ

ความยาวของกริชตามมาตรฐานจะอยู่ที่ 30-40 ซม. (กริชจากอินโดนีเซียโดยทั่วไปจะยาวและมีน้ำหนักมากกว่า) กริชหนึ่งเล่มสามารถแบ่งรายละเอียดออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกคือใบมีด ในภาษาอินโดนีเซียเรียกว่าวีละฮ์ (wilah) ส่วนที่สองคือด้ามหรือฮูลู (hulu) และส่วนที่สามคือ ฝักหรือปลอกดาบหรือวารังกา (warangka) ซึ่งทั้งสามส่วนนี้ต้องใช้วัสดุที่หลากหลายเพื่อประกอบกันขึ้นมาเป็นกริชหนึ่งเล่ม ทั้งเหล็ก ไม้อันล้ำค่าและหายาก ตลอดจนทองคำและงาช้าง

รูปทรงของกริชมีคำเรียกเฉพาะว่า dhapur มีมากเกือบ 60 แบบ ส่วนลวดลายบนใบกริชเรียกว่า pamor ซึ่งมีมากถึง 250 แบบและแต่ละแบบก็มีชื่อเรียกเฉพาะที่ต่างกันไปอันเกิดจากช่างผู้ชำนาญในการตีแผ่นเหล็กหรือนิกเกิล นอกจากนี้มีความเชื่อว่าลวดลายบนใบกริชนั้นมีมนตร์ขลัง และสุดท้ายคือที่มาและความเก่าแก่ เรียกว่า tangguh ทั้งหมดนี้จะกำหนดคุณค่าของกริชแต่ละเล่ม

ในปัจจุบัน กริชเป็นชิ้นงานประเภทหนึ่งที่ถูกเก็บรักษาเป็นอย่างดีในพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก ในปี 2008 องค์การยูเนสโก้ได้ยกย่องให้กริชของอินโดนีเซียเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (Intangible Cultural Heritage) อีกทั้งรัฐบาลของประเทศได้โปรโมทให้เป็นกริชเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของประเทศ

สำหรับประเทศไทยในฐานะประเทศเพื่อนบ้านและมีความสัมพันธ์ทางการเมืองและการค้ากับชวาและมลายู จึงมีการรับรู้เรื่องกริชมาตั้งแต่สมัยอยุธยาอันเห็นได้จากภาพจิตรกรรม ภาพแกะบานประตูวัดและบันทึกต่างๆ การใช้กริชในราชสำนักสยามมีหลักฐานจากภาพวาดว่าคณะทูตสยามสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่เดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศสต่างเหน็บกริชที่ได้รับพระราชทานมาจากกษัตริย์แทบทั้งสิ้น

Lot 31

กริชที่ฝักประดับหินสี ที่ด้ามตกแต่งเป็นรูปยักษ์บูกริช
ชิ้นงานจากสกุลช่างบาหลี ใบกริช 9 คด เนื้อเหล็กลายสร้างขึ้นจากโลหะผสม สลักลายมงคล เทพศักดิ์และพรรณพฤกษา ปุประดับด้วยแผ่นทองคำดุนลาย ด้ามกริชรูปยักษ์ (Dewa) ทองคำประดับอัญมณี ฝักกริชสลักลวดลายมงคล หุ้มทับด้วยงานทองคำดุนลายประดับอัญมณี

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึก