Friday the 13th

หมายเลข 13 ถือเป็นตัวเลขแห่งความโชคร้ายมานานกว่าหลายศตวรรษด้วยความเชื่อว่าตัวเลขนี้มีความเกี่ยวข้องกับความตายและความโชคร้าย ถึงขั้นว่าไม่ปรากฏในกฎหมายฮัมบูราบีของชาวบาบิลอนเลยทีเดียว ส่วนวันศุกร์ ก็ถือว่าเป็นวันแห่งความโชคร้ายสำหรับชาวคริสเตียนอย่างมาก เพราะมีความเชื่อว่าเหตุการณ์ที่พระเยซูถูกตึงบนไม้กางเขนและวันที่อีฟได้ออกปากชวนให้อดัมกินผลไม้ต้องห้ามในสวนอีเดนนั้นล้วนแต่เกิดขึ้นในวันศุกร์ นอกจากนี้ ยังมีชาวคริสเตียนจำนวนมากที่หลีกเลี่ยงการใช้เลข 13 เพราะมีความเกี่ยวข้องกับจำนวนคนทั้ง 13 คนที่รับประทานอาหารมื้อสุดท้ายกับพระเยซูก่อนที่พระองค์จะถูกนำตัวไปตรึงบนไม้กางเขนในวันศุกร์ประเสริฐ (Good Friday) ทำให้ความเชื่อดังกล่าวผูกความไม่เป็นมงคลของทั้งเลข 13 และวันศุกร์เข้าด้วยกันนั่นเอง วันศุกร์ที่ 13 จึงมักถูกเข้าใจว่าเป็นวันแห่งความโชคร้าย ใครที่เกี่ยวข้องกับวันนี้ก็เชื่อกันว่าจะมีแต่ความวิบัติอาถรรพ์ สร้างความหวาดกลัวให้ประชาชนอย่างมากจนมีคำที่ใช้เรียกคนที่หวาดกลัววันศุกร์ 13 ว่า ‘Paraskevidekatriaphobia’ มาจากภาษากรีก 3 คำคือ Paraskevi (วันศุกร์), dekatreis (สิบสาม) และ Phobos (ความหวาดกลัว) โดยได้มีการบันทึกไว้ว่ามีคนเป็นโรคผวาศุกร์ที่ 13 มากถึง 21 ล้านคนเฉพาะในสหรัฐฯ ประเทศเดียวเท่านั้น นอกจากจะเป็นตำนานอาถรรพ์ที่ฝังลึกลงไปในความเชื่อของผู้คนแล้ว ก็มีหลายเหตุการณ์ที่ตอกย้ำถึงความโชคร้ายของวันนี้อยู่เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในออสเตรเลีย พายุหิมะครั้งใหญ่ที่พัดถล่มเมืองบัฟฟาโล่ สงครามอากาศครั้งสำคัญในนอร์เวย์ รวมไปถึงการสังหารหมู่ 13 ศพในประเทศอิหร่านอีกด้วย ความน่ากลัวของวันศุกร์ที่ 13 นี้ทำให้อเมริกาต้องสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากที่ไม่กล้าจะทำกิจกรรมอะไรหรือเดินทางไปที่ไหนเลย ความกลัวนี้ทำให้ได้มีการทำสถิติเกี่ยวกับอัตราการเกิดอุบัติเหตุไว้ในแต่วันศุกร์ โดยพบว่าวันศุกร์ที่ 13 นั้นมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าวันอื่น ๆ ถึง 52% แม้จะไม่ทราบสาเหตุของความอาถรรพ์นี้ได้อย่างชัดเจน แต่คนส่วนมากก็มีความเชื่อว่าเป็นอาถรรพ์ที่สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่พระเยซูถูกตรึงกางเขนในวันนั้น นอกจากนี้ ยังมีการพบว่าวันศุกร์ยังใช้เป็นวันที่ประหารนักโทษและยังถือว่าเป็นวันแห่งปีศาจ ทำให้ชาวประมงส่วนใหญ่ไม่นิยมออกทะเลในวันศุกร์กันอีกด้วย