The Climax (1893) – Aubrey Beardsley

ภาพวาด The Climax ของศิลปินหนุ่มชาวอังกฤษ ออเบรย์ เบียร์ดสลีย์ เป็นหนึ่งใน 16 ผลงานภาพประกอบที่วาดขึ้นเพื่อตีพิมพ์ในบทละครของ ออสการ์ ไวลด์ เรื่อง “Salome” ซึ่งถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1893 แม้จะมีความสามารถเก่งกาจและได้รับความเคารพนับถือจากผู้คนมากมาย แต่อาชีพการเป็นศิลปินของเบียร์ดสลีย์กลับสิ้นสุดลงในระยะเวลาเพียง 6 ปีเท่านั้น ด้วยภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อวัณโรคซึ่งสืบเนื่องมาจากวัยเด็ก ถึงกระนั้น ชื่อเสียงของ ออเบรย์ เบียร์ดสลีย์ ก็ได้สร้างความโด่งดังไปทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นที่กล่าวถึงควบคู่ไปกับเหล่านักกวีเอกคนดังในยุคสมัยนั้น ไม่ว่าจะเป็น ออสการ์ ไวลด์ หรือ อัลเจอร์นอน ชาร์ลส์ สวินเบิร์น และเขายังกลายมาเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้กับการศึกษาด้านสุนทรียศาสตร์และศิลปะสไตล์ อาร์ต นูโว อีกด้วย นอกจากนี้ เบียร์ดสลีย์ยังเป็นส่วนหนึ่งของลัทธิเริงรมณ์ผู้เชื่อมั่นในการต่อต้านแนวคิดในช่วงยุคเรืองปัญญาและแบบแผนอันเข้มงวดของสังคมวิกตอเรีย โดยมีการให้ความเห็นว่า ‘ศิลปะไม่ควรต้องพึ่งพิงเหตุผลใดนอกเหนือจากความเป็นศิลปะของมันเอง’ หรืออีกอย่างหนึ่งก็คือ การสร้างศิลปะเพื่อศิลปะ (art for art’s sake) โดยละทิ้งประโยชน์ การใช้สอย ความเหมาะสม หรือเหตุผลทางการเมืองทั้งสิ้น พวกเขาเชื่อว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของศิลปะคือการสร้างความพึงพอใจและความสุข ซึ่งนำไปสู่สุนทรียภาพที่มีความเกี่ยวข้องกับอารมณ์เหนือเหตุผลต่าง ๆ รวมไปถึงกามอารมณ์ อัชฌาจาร และความต้องการเหนือวัตถุนิยม ภาพ The Climax แสดงให้เห็นถึงฉากอันน่าขนลุกของบทละครของไวลด์ในฉากที่ ซาโลม (Salome) ตัวละครเอกของเรื่อง จุมพิตศีรษะขาดวิ่นของบาทหลวงที่เธอหลงรักหลังจากที่ขอให้พ่อเลี้ยงของเธอตัดหัวเขาออกเพื่อให้เธอได้สามารถแสดงความรักต้องห้ามที่เธอมีต่อบาทหลวงผู้นี้อย่างสุดซึ้ง ในภาพนี้ ตัวของซาโลมลอยขึ้นราวกับว่าควบคุมความปิติของตนเองไว้ไม่อยู่ โดยมีเลือดจากศีรษะที่เธอประคองไว้ไหลหยดลงในสระน้ำและบานสะพรั่งออกมาเป็นดอกลิลลี่ ซึ่งมักถูกใช้แทนสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ ทว่ามีเกสรที่งอกออกจากดอกไม้ ซึ่งถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แทนอวัยวะเพศชายในบริบทนี้นั่นเอง ด้วยเนื้อหาที่สื่อถึงความต้องการทางเพศและการกล่าวถึงความสัมพันธ์ต้องห้ามระหว่างบาทหลวงและหญิงสาว ผลงานภาพประกอบสีขาว-ดำของเบียร์ดสลีย์จึงไม่ได้รับความนิยมมากนักในหมู่นักวิจารณ์และผู้ชมในสมัยนั้น อย่างไรก็ตาม ภาพ The Climax นี้ก็ได้รับการยอมรับและถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในผลงาน Masterpiece ของยุคนั้นในปัจจุบัน ด้วยการตีความและการสร้างสรรค์ผลงานที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครของ ออเบรย์ เบียร์ดสลีย์